ทำงานหนักมาทั้งเดือนแล้ว ถึงเวลาไปเที่ยวกับมะนาวก้าวเดินแล้วน่าคร่า
ช่วงนี้ฝนเริ่มตกมากขึ้น มะนาวคิดถึง อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
มีคำขวัญว่า “เมืองสามหมอก ดินแดนสามวัฒนธรรม”
การเดินทางไป สังขละบุรี มีหลายทางค่ะ
จะไปรถไฟที่สถานีรถไฟธนบุรี เวลา 07:50 น.ลงสถานีรถไฟกาญจนบุรี หรือ นั่งรถตู้ รถทัวร์จากหมอชิต ไป ขนส่ง กาญจนบุรี และ ต่อรถตู้ หรือ รถเมล์แดง ที่เขียนว่า สังขละบุรี ก็ได้
แต่สำหรับ มะนาวเลือกการเดินทางต่อเดียว ถึงสังขละบุรี
รถ บขส.999 กรุงเทพฯ-ด่านเจดีย์สามองค์(ลงสังขละบุรี) มีแค่วันล่ะ 1 รอบเท่านั้น
เวลาออกเดินทาง 06:30 น.ถึง14:00น.ราคา 281 บาท
การซื้อตั๋วรถล่วงหน้า คือ ก่อนเดินทางหนึ่งวัน ช่วงเย็น 17:00 น. หรือ ช่วงเริ่มขายตั๋วตั้งแต่ตี 4 ของวันเดินทาง
เพราะถ้ารถไม่เข้าสถานีขนส่งหมอชิตตอนเย็น ก็แปลว่าไม่มีวิ่งในวันถัดไป อินดี้มาก แต่มันก็คุ้มเพราะไม่ต้องต่อรถให้เหนื่อย
ช่วงก่อนจะเข้าขนส่งกาญจนบุรี จะมีคนขึ้นเยอะมาก ยืนกันเลยทีเดียวเชียวค่ะ ลูกเด็กเล็กแดงเยอะแยะ แต่พอถึงขนส่งกาญจนบุรี ก็ลงกันไปเกือบหมด
มีจอดรับประทานอาหารกลางวันฟรีที่ ร้านเรนู หน้าน้ำตกไทรโยคน้อย อิ่มแล้วก็หลับสิค่ะ มารู้สึกตัวอีกครั้ง เที่ยงพอดี ถึง อำเภอ ทองผาภูมิ
ใครจะไปเที่ยว ปิล๊อก หมู่บ้านอีต่อง ก็ลงที่นี้ต่อรถไปได้เลย มะนาวเคยไปมาแล้ว สนใจก็กดอ่านที่นี้เลยคร่า>> https://www.manowjourney.com/post/000003
อีกแค่ 75.5 กิโลเมตรก็ถึง อำเภอ สังขละบุรี แต่โค้งจะเยอะนิดและขึ้นเขา ต้องใช้เวลาหน่อย
ถึงแล้วน่าาา สังขละบุรี
จ่ายไปคนล่ะ 20 บาท ให้พี่วินมอเตอร์ไซค์มาส่ง
P-Guesthouse and Country Resort
ดูดี กิจกรรมเพียบ มีหลายแบบ หลายราคา มะนาวจองก่อนล่วงหน้า 1 วัน
ได้ห้องพัดลม 3เตียง(ตอนแรกคุณลูกบอกจะมาด้วยแต่สรุปติดเรียนเลยอดมา)ห้องพักอยู่ชั้นสอง ราคา 650บาท ห้องน้ำแยกนะค่ะ
เดินมามองวิวได้ นั่งเล่นรับลม สบาย
เดินสำรวจกันนิด ชั้นบนโน้นที่มะนาวอยู่ แต่ชั้นนี้ดีงามมากค่ะ น่าพักสุดๆ
มองเห็น เจดีย์พุทธคยา เจดีย์ที่มีความสวยสดงดงามส่องแสงทองเด่นอร่ามทั่วทุกสารทิศ
ด้านขวามองเห็น สะพานมอญ และ สะพานปูน ไปชมสะพานมอญกันเลยดีกว่าเย็นนี้
200 เมตร จะใช่หร่อ เดินมาจาก P-Guesthouse ก็จะเหนื่อยนิดๆแต่ไหวอยู่ค่ะ (ไม่อยากเดินก็ให้รถมอเตอร์ไซค์ที่พักมาส่ง คนล่ะ 20 บาท)
เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายจะเจอ สะพานแดง เป็นสะพานก่อปูน อยู่ติดกับสะพานมอญ แต่อยู่คนละด้านฝั่งกัน
ขวามือคือ สามประสบรีสอร์ท พรุ่งนี้เช้าจะแอบไปชมวิวมาอวด
ซ้ายมือ คือ แพมิตรสัมพันธ์
มีให้บริการทั้งร้านอาหาร และที่พักสไตล์บ้านๆ ลูกทุ่งๆ ได้บรรยากาศการรับประทานอาหารไปพร้อมๆ กับดื่มด่ำกับวิวสวยๆ รับลมธรรมชาติเย็นๆ จากสายน้ำ ได้เห็นวิวสวยๆ ของสะพานมอญ
สะพานอุตตมานุสรณ์ หรือที่นิยมเรียกกันว่า สะพานมอญ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาว 850 เมตร และเป็นสะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสะพานไม้อูเบ็ง ในประเทศพม่า เป็นสะพานที่ข้ามแม่น้ำซองกาเรีย ที่ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
สะพานนี้สร้างขึ้นโดยดำริของ หลวงพ่ออุตตมะ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ในปี พ.ศ. 2529 จนถึง พ.ศ. 2530 โดยใช้แรงงานของชาวมอญ เป็นสะพานไม้ที่ใช้สัญจรไปมาของชาวมอญและชาวไทยที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี
“ทานาคา” สมุนไพรเก่าแก่ ที่สาวมอญใช้กันมาเนิ่นนานนับเป็นร้อยๆ ปี ดังมีคำพูดติดปากว่า ผิว(มอญ)พม่า นัยตาแขก เปรียบเสมือน ด่านแรกของการก้าวข้ามสะพานมอญ
เด็กๆคุยเก่ง สุภาพ น่ารักมากค่ะ อยากจะนั่งเล่นกับเด็กๆที่สะพานมอญทั้งวันเลย
มะนาวเจอทาแป้ง ทานาคา ไปหลายคน มันก็จะเละๆไปทั้งตัวหน่อยนะ รู้สึกเหมือนเล่นสงการนต์งัยไม่รู้ หอมฟุ้งดีจุง
ที่สะพานมอญ จะมีมัคคุเทศก์น้อย จะมาให้ความรู้ ประวัติสะพานมอญ
แม่น้ำซองกาเลีย เป็นชื่อเรียกภาษามอญ แปลเป็นไทยว่า “ฝั่งโน้น” เป็นแม่น้ำสายที่แบ่งเขตแดนอำเภอสังขละบุรีออกเป็นสองฟาก ฝั่งหนึ่งคือตัวอำเภอ เป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการและบรรดาที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นคนไทยพูดภาษากลาง ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นหมู่บ้านของชาวมอญ ทั้งที่ตั้งรกรากมานานนับร้อยปี และที่เพิ่งอพยพมาอยู่ใหม่ สังขละบุรี จึงกลายเป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม และมีชาวมอญตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
นักท่องเที่ยวที่ไปล่องเรือชมวัดเก่าเมืองบาดาน เริ่มทะยอยกลับมาทุกลำแล้ว
ทุกคนมารวมตัวกัน เต็มพื้นที่ สะพานมอญ
เพราะทุกคนมาชมแสงสุดท้ายของวันกันนั้นเอง แสงหมดก็ท้องร้องสิค่ะ เดินค่ะเดินไปตลาดสังขละบุรี
ช่วงหน้าฝน ถนนคนเดิน จะหยุดทำกิจกรรมชั่วคราวค่ะ แต่ที่ตลาดก็ยังมีร้านอาหารป่ารสเด็ดหลายร้าน ปลาคัง พระเอกของมะนาว อร่อยจริงจังค่ะ อิ่มแล้วก็นั่งพี่มอเตอร์ไซค์ 20 กลับ ที่พัก วันนี้พอแค่นี้ก่อน สลบได้
ตื่นตั้งแต่ ตี5 ออกเดินจากที่พักแต่เช้าตรู่ อากาศดีมากเลย มาถึงสะพานมอญ พี่เค้าชักชวนให้ซื้อของใส่บาตร ราคา100บาท แต่ที่ดีมากคือ ใส่ชุดชาวมอญฟรีป.ล อย่าลืมนำตะกร้า และชุดมาคืนด้วยนะจ๊ะ
พระเดินบิณฑบาตรฝั่งมอญ เวลาประมาณ 07:00 น. เด็กๆมาเดินต้อนรับนักท่องเที่ยว จำหน่ายดอกไม้ใส่บาตร และ บริการทาแป้งทานาคา ที่สะพานมอญกันแล้ว
ข้ามสะพานมอญมาถึงฝั่งมอญ สามารถจ้างมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้พาไปชมวัดวังก์วิเวการาม และ เจดีน์พุทธคยา ได้นะค่ะ หรือจะเดินเล่นฟินๆไปก็ได้ค่ะ
"ตักบาตรพระมอญ" เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ผู้มาเยือนสังขละบุรีจะพลาดไม่ได้
ชุดตักบาตรที่ฝั่งมอญ จำหน่ายที่ 99 บาท มีเก้าอี้ ให้นั่งรอเป็นระเบียบเรียบร้อยดีค่ะ
คนไหนชาวไทย ชาวมอญ มีความงง นิดหน่อยค่ะ มองแล้ว น่ารักดีนะค่ะ อย่างน้อยเราก็ดูกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่
ใส่บาตรเรียบร้อยก่อนจะเดินกลับมาฝั่งไทย ก็แวะรับประทานอาหารที่ "ร้านโจ๊กนั่งยอง"อาหารเช้าที่ต้องมานั่งยองๆกิน ชิคๆคูลๆ, อาหารเช้า เสพบรรยากาศวัฒนธรรมพื้นบ้านคนมอญ
สายแล้ว อิ่มท้อง ก็เดินกลับฝั่งไทย
สิ่งที่ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากการแต่งกายที่มีเอกลักษณ์แล้ว ที่เห็นปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าเป็นหญิงชาว มอญ อย่างจริงแท้แน่นอน ก็คือ การเทินสิ่งของไว้ บนศีรษะ อย่างชำนาญ
คุณป้าชู๊ จะอยู่ที่สะพานมอญประมาณ 1 ชั่วโมงช่วงสาย
ก่อนจะไปล่องเรือชมวัดเก่าเมืองบาดาน มะนาวก็เก็บภาพบรรยากาศของสะพานมอญมาฝากก่อน
ป้ายนี้ สำคัญมาก การกระโดดน้ำเสี่ยงอันตราย หยุดให้เงินจ้างเด็กกระโดดสะพาน
ล่องเรือชมวัดใต้น้ำ เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ประจำเมืองสังขละบุรี วัดเก่าทั้ง 3 ประกอบด้วย วัดวังก์วิเวการาม, วัดสมเด็จ และวัดศรีสุวรรณ อันเป็นตัวแทนของ 3 วัด 3 เชื้อชาติ
ราคาเรือนำเที่ยว ชมวัดกลางน้ำ ล่องเรือชม 1 วัด ราคา 3oo บาท (ไม่เกิน 6คน) ล่องเรือชม 3 วัด 500 บาท (ไม่เกิน 6คน) หาคนหารค่าเรือก็ได้นะค่ะ
มะนาวได้ราคาพิเศษ 400 บาทพร้อมไกด์ตัวน้อย
วัดแรก "วัดวังก์วิเวการาม หรือ วัดหลวงพ่ออุตตมะ"(วัดชาวมอญ) เป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะ ร่วมกับชาวบ้านอพยพชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญ ได้ร่วมกันสร้างขึ้น ในปี พ.ศ. 2496 ที่บ้านวังกะล่าง อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งอยู่บนเนินสูงในบริเวณที่เรียกว่า สามประสบ ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำ 3 สาย คือแม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ แม่น้ำรันตี ไหลมาบรรจบกัน
"หอระฆังเก่า" ถ้าช่วงเวลาน้ำเยอะ จะเห็นแค่ยอดหอระฆัง
"กุฏิหลวงพ่ออุตตมะ"
ปี พ.ศ. 2527 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ก่อสร้างเขื่อนเขาแหลม หรือ เขื่อนวชิราลงกรณ์ ซึ่งเมื่อกักเก็บน้ำแล้ว น้ำในเขื่อนเขาแหลมจะเข้าท่วมตัวอำเภอสังขละบุรีเก่ารวมทั้งวัดนี้ด้วย จึงได้ย้ายวัดมาอยู่บนเนินเขา ส่วนวัดเดิมได้จมอยู่ใต้น้ำมานานนับสิบปี เหลือเพียงซากปรักหักพังของวัดและอาคารบ้านเรือน
จะเห็นรอยตอนน้ำท่วมโบสถ์
คิดดูสิค่ะ บริเวณที่มะนาวยืนถ่ายภาพอยู่นี้ ช่วงปีใหม่ น้ำจะสูงขนาดนั้น
จึงเป็นที่มา ของ สถานที่ท่องเที่ยว Unseen Thailand
เป็นที่รู้จักในชื่อว่า วัดใต้น้ำ สังขละบุรี
สิ่งที่เหลือให้เห็น เป็นส่วนของกำแพงด้านนอกโบสถ์ ตัวโบสถ์เหลือเพียงผนัง ไม่มีส่วนหลังคาโบสถ์ให้เห็น ภายในผนังโบสถ์ยังมีให้เห็นลวดลายศิลปะแบบมอญ เป็นลายซุ้มองค์พระพุทธรูปอยู่ตามผนัง แต่เดิมมีทั้งหมด 2,500 องค์ แต่ก็มีหลายส่วนที่หลุดหายออกไป
นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่ประมาณเดือนมีนาคม - เมษายน เป็นช่วงหน้าแล้ง น้ำหลังเขื่อนลดลงมาก จะสามารถเดินเข้าไปเยี่ยมชมโบสถ์เก่าได้ ณ บริเวณสามประสบ
ส่วนคนที่มาเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว ตั้งแต่ประมาณตุลาคม - มกราคม อาจจะได้เห็นแค่บางส่วนของตัวโบสถ์ที่โผล่พ้นน้ำ หรือบางทีก็จมน้ำเป็นเมืองบาดาล จะมีให้เห็นก็เพียงแต่ยอดหอระฆังเดิมเท่านั้นที่สูงพ้นน้ำ
หลังจากได้ชม หอระฆัง วิหาร ซุ้มกำแพง และโบสถ์ ที่วัดวังก์วิเวการาม(เก่า) ก็พร้อมออกเดินทางไปวัดที่ 2
ต้องเดินขึ้นบันไดนิดหน่อย
วัดสมเด็จ เก่า (วัดชาวไทย) ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ตรงข้ามเมืองบาดาล สร้างโดยพระครูวิมลกาญจนคุณเจ้าคณะตำบลหนองลู เป็นวัดที่ไม่ได้จมน้ำ แต่ถูกทิ้งร้างเมื่อครั้งย้ายอำเภอสังขละบุรี ตอนสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ (เขื่อนเขาแหลม) อุโบสถของวัดสมเด็จมีพระประธานสภาพค่อนข้างสมบูรณ์รอบตัวโบสถ์มีต้นไทรใหญ่ปกคลุมดูมีมนต์ขลัง
ไหว้พระขอพรเรียบร้อยก็เดินกลับมาขึ้นเรือ ไปต่อวัดที่สุดท้ายของการล่องเรือชมวัดเก่าเมืองบาดาน
วัดศรีสุวรรณ เก่า(วัดของชาวกระเหรี่ยง) ที่ตั้งของวัดศรีสุวรรณนั้นอยู่ไม่ไกลจากอีก 2 วัดเท่าไหร่นัก
วัดที่จมอยู่ใต้น้ำ หรือโผล่พ้นเหนือน้ำ นั่นก็คือวัดวังก์วิเวการามเก่า หรือวัดหลวงพ่ออุตตมะ และวัดศรีสุวรรณนี่เอง
ใช้เวลาในการล่องเรือชมสามวัดประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ค่ะ อยากให้ทุกท่านมาได้เห็นกับตัวตนเองมากเลยค่ะ ดีงามมากๆค่ะ
มะนาวให้เรือมาส่งที่ท่าเรือของ P-Guesthouseกลับห้องพักเก็บของแล้วย้ายไปฝั่งตรงข้าม เพื่อเข้าพักที่ Haiku Guesthouse
ด้านหน้าเป็นร้านกาแฟ
เข้าไปชมส่วนของห้องพักแบบ ญี่ปุ่นๆกัน ตบแต่ง สไตล์เซ็นของญี่ปุ่นแห่งนี้ ไฮกุ เกสต์เฮาส์จึงทำห้องพักเพื่อพูดถึงบทกวีของ 4 กวีไฮกุที่โด่งดังคือ อิตสะ, บะโช, ชิกิ,บุชน
เรียบง่าย สงบดีจัง ห้องพัดลม มีห้องน้ำในตัว ราคา 650 บาท
หลังจากหายเหนื่อย ก็ไปต่อสิค่ะ เดินข้ามถนนไปเช่ารถมอเตอร์ไซค์ที่ P-Guesthouse
ค่าเช่า24 ช.ม 200 บาทก่อนคืนรถให้เติมน้ำมันมาคืนเต็มถัง
ที่แรกที่ ไบเกอร์มะนาวไปก็คือ "จุดเล่นน้ำซองกาเลีย" อยู่บริเวณสะพานแม่น้ำซองกาเลีย ห่างจากตัวเมืองสังขละบุรี ประมาณ8 กิโลเมตร ขับรถไปทางชายแดนด่านเจดีย์สามองค์จะผ่าน เห็นสะพานซองกาเลียก็ถึงแล้ว
ร้านอาหารแถวนี้จะเป็นแพ ยื่นไปในน้ำ บรรยากาศดีมาก มีน้ำไหลมาเรื่อยๆ ลมเย็น น้ำใส จะลงเล่นน้ำก็ได้ น้ำไม่ลึกค่ะ
ข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง น้ำตกเผ็ดๆสิค่ะถึงจะเข้ากับบรรยากาศ
แต่มีหมามาทำตาหวาน ขอร่วมวงด้วยนี้สิ ใจไม่แข็งพอ คงให้หมากินหมดแน่
“พระเจดีย์สามองค์ พระเจดีย์สามองค์นี้ ตั้งอยู่ในตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย เดิมเรียกว่า หินสามกอง เป็นสถานที่สักการะของคนไทยโดยทั่วไป ก่อนจะเดินทางออกจากเขตประเทศไทยเข้าสู่เขตแดนพม่าแต่ครั้งโบราณกาล ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๗๒ พระศรีสุวรรณคีรี เจ้าเมืองสังขละบุรีของไทย ได้เป็นผู้นำชาวบ้านก่อสร้างเป็นเจดีย์สมบูรณ์ ดังที่อยู่ในปัจจุบัน”
กว่าจะมาถึง เจอฟ้า ฝน มันเลยเหนื่อยๆนิดค่ะ มะนาวไม่ได้ข้ามไปฝั่งพม่า แค่มาให้ถึง สุดแดนสยาม
ขากลับแวะ พระนอน ที่ วัดสมเด็จ(ใหม่) เก็บภาพ ไหว้พระ
และไปต่อกันที่ "พระเจดีย์พุทธคยา" เป็นปูชนียสถานที่สำคัญคู่กับวัดวังก์วิเวการาม เป็นเจดีย์องค์ใหญ่นี้ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาใกล้ริมฝั่งแม่น้ำ มีสีเหลืองทอง สามารถมองเห็นได้จากแม่น้ำซองกาเลีย ภายในองค์เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จึงเป็นเจดีย์ที่มีผู้คนมาสักการะ บูชาองค์เจดีย์ที่เสมือนเป็นสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เจดีย์พุทธคยายังเป็นศูนย์กลางในการประกอบพิธีในวันสำคัญทางพุทธศาสนาและงานเทศกาลเช่น งานวันสงกรานต์
ฝนเทลงมาอย่างแรง มะนาวเลยไม่ได้ขึ้นไปด้านบนพอฝนเบาก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปต่อ
วัดวังก์วิเวการาม(ใหม่) หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "วัดหลวงพ่ออุตตมะ" นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอสังขละบุรีแล้ว ยังเป็นวัดที่ถือว่ามีความสำคัญมากสำหรับคนพื้นถิ่น และเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนหลายเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในอำเภอสังขละบุรี ทั้งชาวไทย และกะเหรี่ยง โดยเฉพาะสำหรับชาวไทยเชื้อสายมอญ ที่เปรียบหลวงพ่ออุตตมะเป็น "เทพเจ้าแห่งชาวมอญ"
วัดจึงเป็นเสมือนตัวแทนหลวงพ่อ และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวมอญ ในการประกอบพิธีกรรมตามประเพณีของมอญ และจัดงานอื่นๆ
ขับมอเตอร์ไซค์กลับมา ผ่านสะพานมอญ ก่อนจะข้ามสะพานปูน ก็หยุดชมวิว ที่ "จุดชมวิวเทศบาลตำบลวังกะ"
ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลวังกะ เป็นจุดพักรถและพักผ่อนชมวิวแม่น้ำซองกาเลีย จากจุดนี้จะเห็นสะพานมอญทอดตัวยาวผ่านแม่น้ำ
เรียกว่า ยืนโง่ๆชมสะพานมอญ จนถึงเย็น ก็มีนัดกับ พระเอกของมะนาว เย็นนี้ รับประทาน ปลาคัง เช่นเดิม แซ่บมากเลย อิ่มแล้ว กลับ Haiku Guesthouse สลบได้
ตื่นเช้าตี5 คิดอยู่ว่าจะไปมองสะพานมอญมุมไหนอีกดีนะก่อนจะกลับกรุงเทพฯ
ไปดื่มกาแฟยามเช้าที่ Samprasob Resort ดีกว่า แต่มาถึงยังเช้ามาก ยังไม่มีพนักงาน มะนาวเลยยืนเก็บภาพเงียบๆอย่างเรียบร้อยมาฝาก
อาคารสามประสบวิว คืออาคารหลักของรีสอร์ทประกอบด้วยส่วนของห้องอาหารในบรรยากาศสบายๆ ห้องพักหน้าวิว ริมสระน้ำ 12 ห้อง สระว่ายน้ำที่สวยทันสมัย ตัวอาคารตั้งอยู่บนเนินเขาสามารถเห็นวิวแม่น้ำสามสายที่ไหลมาประสบกันหน้าเทือกเขาอันสลับซับซ้อนได้กว้างไกลสุดสายตา และเห็นสะพานอุตตมานุสรณ์ (สะพานมอญ)
อีกหนึ่ง Unseen Thailand ที่คนไทยต้องภูมิใจ วัดใต้น้ำ สังขละบุรี
และ สะพานมอญ สะพานไม้ที่มีความยาวที่สุดเป็นอันดับ1 ของประเทศไทย และ เป็นอันดับ2ของโลก
ถึงเวลา ต้องกล่าวคำอำลา อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
มะนาวกลับ รถ บขส.999 กรุงเทพฯ-ด่านเจดีย์สามองค์ รถออกเวลา 08:30 น.ถึงสถานีขนส่งหมอชิต 15:00 น.
มีรอบเดียวเหมือนขาไปจากกรุงเทพฯเหมือนเดิม อินดี้จริงๆ
สะพานไม้ ด่านเจดีย์ นทีสามประสบ มรดกทุ่งใหญ่ ไทยกะเหรี่ยงรามัญ สารพันธรรมชาติ อภิวาทหลวงพ่ออุตตมะ เมืองสังขละชายแดน สุดแคว้นตะวันตก
ค่าใช้จ่ายของทริป
รถทัวร์ ไป-กลับ สองคน 281x4= 1,124 บาท
ที่พักคืนแรก P-Guesthouse and Country Resort = 650 บาท
ที่พักคืนที่สอง Haiku Guesthouse = 650 บาท
ค่าล่องเรือสามวัด 400 บาท
ให้ค่าเหนื่อยไกด์ตัวน้อย 100 บาท
ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซค์และเติมน้ำมันรถ 200+50 =250 บาท
ค่ารถพี่วินมอเตอร์ไซค์ทั้งหมด 60x2=120 บาท
รวม 3,294 บาทหาร2 = 1,647 บาท
ค่าอาหาร ช้อปปิ้ง ใส่บาตร ทำบุญ และอื่นๆ ต่างหากค่ะ
❣️ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามคร่า 🎀เดินทางด้วยรถสาธารณะออกจะชิลล์เนอะ
😁แล้วไปเที่ยวด้วยกันต่อน่าคร่า🚶♀️🏃♀️
✔️เพจมะนาวก้าวเดิน https://web.facebook.com/manowjourney/
✔️กดติดตามช่อง YouTube มะนาวก้าวเดิน https://www.youtube.com/c/มะนาวก้าวเดิน
✔️ติดตามทุกการเดินทางของมะนาวก้าวเดิน www.manowjourney.com
✔️อ่านรีวิวการเดินทางทั้งหมดได้ที่ https://th.readme.me/id/ManOvv
✔️Flollvv แอปวางแผนการท่องเที่ยว และ สถานที่ท่องเที่ยว
✔️ติดต่องาน
06 6159 9649
Comments