Manow Journey

Oct 15, 20192 min read

หนีร้อนไปล่าหมอกที่ บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก ฉบับไม่มีรถส่วนตัว

Updated: Jan 18, 2020

อากาศที่กรุงเทพฯ ช่างร้อน จนร่างกายแทบจะทนไม่ไหว
ติดตามเพจ ปิล๊อก ทองผาภูมิ
https://web.facebook.com/MINERS.HOUSE/
อยู่ตลอดเวลา รอวันที่ มีหมอกหนา อากาศฟิน วันนี้ก็มาถึง มะนาวก้าวเดินก็ต้องพาร่างไปปะทะหมอกให้ฉ่ำเป็นช่วงที่ ลูกว่างพอดี ก็ออกเดินทางกันเลยสิค่ะ

ตื่นกันตั้งแต่เช้า เพื่อไป ขนส่งสายใต้ใหม่ หรือใครบ้านใกล้ หมอชิต2 ก็ไปหารถรอบเช้าสุด 05:00 น. ก็มีนะค่ะ
ต่อแรก ออกเดินทางด้วยรถตู้ กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี รอบ 05:00 น.
ราคาคนละ 100 บาท ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง รถออกทุกชั่วโมง

ต่อที่สอง รถเมล์แดง กาญจนบุรี-สังขละบุรี รอบ 07:30 น.
ราคาคนละ 80 บาท ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง ลงที่ ตลาดทองผาภูมิ
อากาศตอนเช้าๆยังไม่ร้อน มันก็สบายๆดีค่ะ

มาถึงตลาดทองผาภูมิ ซื้อข้าวเหนียวไก่ทอด น้ำหวานสักแก้วกินบนรถ ก็ไปกันต่อเลย
ต่อสุดท้ายแล้ว รถสองแถวสีเหลือง ทองผาภูมิ-อีต่อง
รอบ 10:30 น. ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง ถึง บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก
เวลารถสองแถวเหลืองขาขึ้น มี 3 รอบ 10:30 , 11:30 ,12:30
เวลารถสองแถวเหลืองขาลง มี 3 รอบเช่นกัน 06:00, 07:00,08:00

แอบตื่นเต้นกับถังแก๊ส
แต่พอนานๆไปก็รู้สึกชิน สนุกสนานมะนาวเลย

เส้นทางขึ้นไปบ้านอีต่องมันก็จะโค้งๆ แค่ 399 โค้งเอง ขอให้เดินทางปลอดภัย สาธุ

เที่ยงกว่าๆเราก็มาถึง ตลาดอีต่อง ด้วยการเปียกปอน เพราะ ฝนเทลงมาหนักมาก
พอฝนหยุด มะนาวก้าวเดินก็ออกเดินวนเก็บภาพรอบแรก

คืนแรก มะนาว พักที่ Love ปิล๊อก โอมสเตย์
lovepilokhomestay
ราคา 800 บาท พร้อมอาหารเช้า ห้องชั้นล่าง

บ้านอีต่อง ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ
หมู่บ้านอีต่องเกิดขึ้นพร้อมๆ กับช่วงที่ทางการเปิดเหมืองปิล๊อก เพื่อทำการขุดแร่วุลแพรมและดีบุก และให้สัมปทานกับบริษัทเอกชนเข้ามาทำเหมืองบางส่วน ทำให้หมู่บ้านอีต่องมีคนเข้ามามาก เกิดการแลกเปลี่ยนค้าขาย มีสถานบันเทิงและโรงหนังสำหรับคนงานที่เข้ามาทำเหมือง จนกระทั่งเกิดวิกฤตการณ์ราคาแร่ตกต่ำทั่วโลก เหมืองจำนวนมากทะยอยปิดคนงานอพยพไปหางานทำที่อื่น ทำให้หมู่บ้านอีต่องกลายเป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบ

ปัจจุบันหมู่บ้านอีต่องเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ริมชายแดนไทย-พม่า เป็นที่อาศัยของหลายชนชาติจึงมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเรียนรู้วัฒนธรรมพื้นบ้านที่เงียบสงบ ยังคงไว้ซึ่งความเป็นธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น สภาพอากาศเย็นสบายตลอดปี

ฝนตกๆหยุดๆ หมอกมากันแบบ มะนาวงี้ นั่งไม่ติดเลย เดี๋ยวลุกขึ้น ลุกเดินไปถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอ

และนี้คือห้องพักของเราแม่ ลูก คืนแรก เหนื่อยเดินทางกันมา รวมๆแล้วก็ 7-8 ชั่วโมง
ให้เวลากัสท์จังสลบได้ อากาศเย็นๆ น่านอน
ที่นี้ไม่ต้องใช้แอร์นะคะ เพราะ อากาศเย็นทั้งปี

กว่าลูกจะตื่น หมอกก็ไปกันแล้ว ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็มาอีกแน่นอน

เย็นนี้กัสท์จังจะขอเป็นช่างภาพ ให้ มะนาวเป็นนางแบบสยอง
ถอยชุดมาจากตลาดอีต่อง 250 บาท
ไม่ต้องพกเสื้อผ้ามาเยอะ ที่นี้มีร้านขาย ไม่แพง น่ารักๆทั้งนั้น

ครัวเจ๊ณี อาหารทะเลจากพม่าที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
แต่ วันนี้ ขอโทษนะคะ ปูไม่มี

รสชาติยังคงจัดจ้าน

เดินมาหาขนมกับเครื่องดื่มกินกันต่อที่ร้านใกล้ๆ ครัวเจ๊ณี
ก็ต้องร้านนี้เลย ช้างแก่ คลาสิคโฮม
https://web.facebook.com/pages/category/Product-Se...

สองร้านนี้ เป็นร้านหลักของบ้านอีต่องเลย เพราะร้านอื่น วันธรรมดาอาจจะไม่เปิด

อยากจริงๆ อยากจะไป เขาช้างเผือกกับเค้ามั่ง

เดินวนเข้าไปแอบส่องวิถีชุมชน คนอีต่อง เรียบง่าย ผักก็ปลูกกินเองด้วย ภาษาก็ยังใช้ภาษาท้องถิ่น

ที่นี้ น้องหมาเยอะมาก แต่ทุกตัว เป็นมิตรมาก
เราสองคนผู้รักหมา ก็เพลินสิคะ วิวไม่ถ่ายกันละ ตอนนี้ หมาน่ารักกกก

มาบ้านอีต่อง เราก็ต้องกิน หมูจุ่มร้อนๆสิคร่า
จะเข้ากับบรรยากาศเย็นๆ ความอร่อยจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
ราคา 199 บาทเสริฟถึงหน้าห้องเลยค่ะ

มะนาวตื่นเช้า 04:00 เพื่อนั่งมองสายหมอกที่เข้ามาถึงห้องพัก
มันเย็นกาย สบายใจดี ไปทริปไหนๆมะนาวก็ร่างเปียกเหงื่อตลอด มาบ้านอีต่องนี้ ตัวแห้งมากๆ ดีจัง

ไม่อยากจะเชื่อว่า นี้คือประเทศไทย เพราะที่เรามาจากกรุงเทพฯร้อนแทบนอนไม่หลับ
แต่ที่ บ้านอีต่องที่มีเขาล้อมรอบ มีความเย็นสดชื่นได้ขนาดนี้

รถสองแถวเหลือง รอแรก 06:00 ได้พาชาวบ้านซะส่วนใหญ่ เดินทางลงไป ตลาดทองผาภูมิ
ส่วนนักท่องเที่ยว ก็ตักบาตรไหว้พระ

และรับประทานอาหารเช้า เรียบง่าย แต่อร่อยมาก กัสท์จังกินข้าวต้มไปสามถ้วยเอง

วันนี้ นางแบบ อันยอง ของมะนาว พร้อมแล้ว

ป้ายไม้ที่ระลึก ราคา 20 บาท ใครไป ใครมาก็ต้องมาเขียนระบายความในใจ
ผูกติดไว้กับสะพานตลาดอีต่อง เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของ บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อกจริงๆ
ทำให้ถ่ายภาพออกมาสวย วัยรุ่นชอบ

อากาศดี ถึงมีแสงแดด แต่ไม่ร้อน

เดินเข้าไปชมเหมืองเก่า เหมืองปิล็อก
แต่ที่อยากอวดกัสท์จังคือฝูงปลาคราฟตัวใหญ่ ในน้ำใส

น้ำยังใสแต่ ปลาหายไปไหนกันหมด

อาจจะเพราะนี้เอง สาเหตุที่ปลาคราฟหาย น้องหมาาาา

จากริมน้ำ ก็เดินวนไปด้านหลัง มีทั้งร้านอาหาร กาแฟ และที่พัก

ถ่ายรูปกันจนเหนื่อยก็กลับมา ย้ายห้องพักไปที่ใหม่ได้

เดินไปอีกนิดเดียวก็ถึง ปิล๊อกไมนิ่งโฮมสเตย์ บริการที่พัก 0623639128 0650798545
https://web.facebook.com/baanpilokhomestay/
อยู่ชั้นสอง คุณลุงบอกไม่ต้องเกลงใจ เดินผ่านร้านอาหารได้เลย ขึ้นๆลงๆเดี๋ยวก็ชิน

มะนาวอยู่ห้องวิวสวยสุด คือ ห้องเลขที่ 1 ราคา 800 บาทพร้อมอาหารเช้า
มองจากหน้าต่างห้องพักก็ดีงาม

ชั้นลอย ขึ้นไปนั่งเล่น ถ่ายภาพก็ได้ด้วย ได้วิวมุมสูงขึ้นไปอีก

บ่ายแล้ว ได้เวลา ซิ่ง เช่ารถมอเตอร์ไซค์ 250 บาท เติมน้ำมัน 2 ขวดอีก 50 บาท

ที่แรกก็ขับมาไม่ไกลค่ะ เลี้ยวขวาเลยวัดเหมืองปิล็อกมา ก็ถึง ช่องมิตรภาพ ไทย-พม่า

มีทหารพม่ายืนหล่อเข้มอยู่ ก็ถามเค้าว่าเดินเข้าไปถ่ายภาพเล่นได้ไหม เค้าบอกโอเคๆ

ถ่ายภาพกันไม่กี่รูปก็กลับประเทศไทยเราดีกว่า

จุดที่สอง เนินช้างศึก เลือกที่จะมาตอนบ่ายๆเลย เพราะถ้ามาตอนเย็น ฝนคงเทลงมาแน่นอน

จะมองเห็นหมู่บ้านอีต่องจากบนเนินช้างศึก
แต่มุมริมน้ำไปถ่ายไม่ได้ น้องหมาเพียบ และไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเราแม่ลูก กลัวน้องหมางับ

ขับมอเตอร์ไซค์มายาวๆก็ถึงทางเข้า น้ำตกจ๊อกกระดิ่ง

อีแก่เราจะรอดไหมนะ เพราะจำได้ว่ามีเนินชันมากและน่าอันตราย
น้องเจ้าของรถบอกมาว่า รถตรวจเช็คเครื่องเสมอ ยังซิ่งได้อยู่

และแล้วเราก็รอดมาถึง น้ำตกจ๊อกกระดิ่ง ค่าเข้าคนละ 40 บาท
ภูมิใจในตัวแม่ล่ะสิ แม่พามาเที่ยวได้

น้ำตกกลางหุบเขา มีความสวยงามมาก มีน้ำตลอดทั้งปี มีเพียงชั้นเดียวความสูงประมาณ 34 เมตร น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เป็นภาษาพม่า เป็นชื่อเพี้ยนมาจากคำเดิมว่า “ก๊อกกระด่าน” จ๊อก หรือ ก๊อก หมายถึง หิน และ กระดิ่น หรือกระด่าน หมายถึง น้ำตก มีความหมายรวมกันว่า เป็นน้ำตกที่ไหลผ่านซอกหินผา มีแหล่งกำเนิดเป็นน้ำที่ผุดขึ้นจากภูเขาอีปู่ ตั้งอยู่ในพื้นที่เหมืองแร่ทังสเตนไหลผ่านหมู่บ้าน มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 727 เมตร มีระยะทางยาวประมาณ 5 กิโลเมตร บุคคลที่ได้เล่นน้ำตกแห่งนี้ เปรียบเหมือนได้อาบน้ำแร่ไปในตัว แอ่งน้ำตกมีน้ำเป็นสีฟ้าครามสวยงาม ความลึกสุดตรงกลางแอ่งน้ำ 3-4 เมตร

มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตเบื้องต้นด้วย

วันที่เราแม่ลูกไป เป็นวันธรรมดา และ เพิ่งเริ่มฤดูการท่องเที่ยวบ้านอีต่องเหมืองปิล็อกไม่มีใครเลย
เจ้าหน้าที่ เค้าก็ใจดีเดินตามมาคอยดูแลความปลอดภัย เราทั้งสองคน จนเรากลับ