เดินป่าหน้าฝน ทากน้อยเรียกว่าแทบไม่มี มีดอกหงอนนาคสวยๆ มะนาวมีชื่อ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ไว้ในใจมาปีสองปีแล้ว ปีนี้ถือว่า พร้อมสุดที่จะไปพิชิตลานสนภูสอยดาว ระดับความสูง 1,633 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ส่วนยอดภูสอยดาว ระดับความสูง 2,102 เมตร จากระดับน้ำทะเล นับว่าสูงเป็นอันดับ4ของประเทศไทย ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางเพื่อพิชิตยอดสูงสุดภูสอยดาว โดยไม่มีเจ้าหน้าที่นำทาง จะเปิดให้ขึ้นไปพิชิตได้หลังพ้นช่วงฤดูฝนไปแล้ว
มะนาวติดตามเพจ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว - Phusoidao จนแน่ใจว่าถึงเวลาลุย!
1 กรกฎาคม ถึง 15 มกราคม คือช่วงเวลาเปิดฤดูกาลของการพิชิตลานสนภูสอยดาว
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 095-629-9528 095-024-7633 091-024-7633
อุทยานแห่งชาติเปิดให้ขึ้นลานสนภูสอยดาว ตั้งแต่เวลา 08.00-14.00 น.
หากนักท่องเที่ยวเดินทางไปถึงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวแล้ว ไม่สามารถขึ้นพิชิตลานสนภูสอยดาวได้ทัน ทางอุทยานแห่งชาติได้จัดเตรียมสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการ บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติที่อยู่ด้านล่างไว้แล้ว
และในช่วงตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม-31 มิถุนายนของทุกปี อุทยานแห่งชาติปิดการพักแรมบนลานสนภูสอยดาว
ก่อนเดินทางหนึ่งวัน ไปซื้อตั๋วรถไฟล่วงหน้าไปและกลับ รถไฟชั้น3 ประหยัดๆไว้ก่อน เที่ยวล่ะ 179 บาท
ขาไปออกเดินทางจากสถานีกรุงเทพฯ(หัวลำโพง) 20:10 น. ถึงสถานีพิษณุโลก 02:35 น.เดินทางวันที่6สิงหาคม2561
ขากลับจากสถานีพิษณุโลก 22:00 น. ถึง สถานีกรุงเทพฯ(หัวลำโพง) 05:10 น. เดินทางวันที่ 8 สิงหาคม 2561
หนังสือเดินทางท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติ พร้อม ถ้าใครยังไม่มี หาซื้อได้ที่อุทยานคะ เล่นละ 100บาท มีติดตัวไว้ เวลาไปท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติจะเท่ห์มาก
หลังจากนั้นโทรหาจ่าเอ๋ 083-599-8826 เพจ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เขาหลวงรถรับส่งราคาถูก
ราคาแบบเหมาจ่าย 4 ท่าน รถเก๋งสบาย ราคาเที่ยวล่ะ 1,500 บาท
ระยะทางประมาณ200กิโลเมตร
(ถ้าช่วงวันหยุด จะมีคนช่วยหารค่ารถเยอะ ราคาไป-กลับแค่เที่ยวล่ะ300บาท สะดวกมากเลยค่ะ ติดต่อไปลงชื่อจองคิวเดินทางกับจ่าเอ๋ ล่วงหน้าได้เลย)
มีบริการทั้งรถเก๋ง4คน รถแวน7คน หรือ รถตู้10คน รถสองแถว 12คนก็ยังมีให้บริการ
จ่าเอ๋มารับมะนาวจากสถานีรถไฟพิษณุโลก (ใครเดินทางไปด้วยรถทัวร์ จะให้ไปรับที่ บขส.เก่า หรือ ใหม่ ก็ได้นะค่ะ)
ไปแวะตลาดสดเทศบาลตำบลป่าแดง อ.ชาติตระการ ซื้ออาหาร ลูกอมหวานๆ เพิ่มพลังงานได้ดี ขนมปัง น้ำดื่ม(สำคัญมากเพราะเราต้องจ้างลูกหาบนำขึ้นไปให้เราดื่มบนลานสน บนลานสนมีน้ำฝนที่เจ้าหน้าที่รองไว้ให้ดื่ม ถ้านักท่องเที่ยวเยอะอาจจะไม่พอ)
และไปส่งที่ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
ระหว่างทางจาก อำเภอชาติตระการไปอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว 70 กิโลเมตร ถือว่า เป็นเส้นทางที่ฟินมาก มีหมอกตลอดเส้นทางเลย จ่าเอ๋ก็ใจดี หยุดให้ตลอดทางขอให้บอก
ออกเดินทางจากสถานีรถไฟพิษณุโลกตั้งแต่ ตี3 มาถึงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวก็ประมาณ 07:00 น. นี้ขนาดเหมารถมาเอง ยังใช้เวลาตั้ง4ชั่วโมง
ที่ลานสนภูสอยดาว มีให้เช่าอุปกรณ์หลายชนิด ติดต่อที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวด้านบน ที่ลานสนภูสอยดาว
อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
มีค่ามัดจำขยะ200บาท ขาลงให้นำขยะที่เรานำติดตัวไป ใส่ถุงลงมารับเงินคืน ช่วยกันรักษาความสะอาด นะค่ะทุกท่าน
ยังเช้ามาก เดินไปหาอาหารเช้ารับประทานที่ร้านค้าสวัสดิการภูสอยดาว กันก่อน
พร้อม จ๊อบพาสปอร์ต อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
จ่ายค่าเช่าเต็นท์ อุปกรณ์การนอน (2คน1คืน) และ ค่าลูกหาบ(ลูกหาบต้องนำขึ้นไปให้เราที่ลานสน) แบบเหมาจ่าย ราคา 800บาท
หมายเหตุ เมื่อชำระค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติแล้วกรุณาพกบัตรค่าบริการติดตัว ขณะท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเพื่อการตรวจสอบ
จ้างลูกหาบ หาบสัมภาระส่วนตัว ต่างหาก เพราะเดินระยะทาง 6.5 กิโลเมตร อย่าแบกอะไรหนักๆเลยค่ะเดี๋ยวไม่ไหว กิโลกรัมล่ะ 30 บาท
นี้คือส่วนที่จำเป็นที่มะนาวแบกเอง
และของคุณมะนัย ส่วนมากคือ อาหาร น้ำดื่มระหว่างทาง ยา เสื้อผ้ากันฝน
พร้อมแล้ว เจ้าหน้าที่พานั่งหลังรถกระบะพามาจุดเริ่มเดินเท้าไปพิชิตลานสนภูสอยดาว
วีดีโอช่วงเวลาเดินขึ้นลานสนภูสอยดาวคะ เดินเรื่อยๆเหนื่อยก็พักกิน
เราออกเดิน 09:00น. ความตั้งใจเกินร้อย ไปมาหลายเขาแล้ว เขานี้เราต้องผ่านไปได้แน่นอน
น้ำตกภูสอยดาว ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นน้ำตกขนาดกลางในลำห้วยน้ำพายไหลลงสู่แม่น้ำปาดที่อำเภอน้ำปาด มีชั้นน้ำตกทั้งหมด 5 ชั้น แต่ละชั้นมีชื่อไว้อย่างไพเราะว่า ภูสอยดาว สกาวเดือน เหมือนฝัน กรรณิการ์ และสุภาภรณ์ มีน้ำไหลตลอดปี
5เนินที่เราต้องผ่านไปให้ได้ จุดเริ่มต้นจะอยู่ตรง "น้ำตกภูสอยดาว"
และไปสิ้นสุดที่จุดผู้พิชิตลานสนภูสอยดาว
ที่ระดับความสูง 1,633เมตร จากระดับน้ำทะเล
ชั่วโมงแรกนี้ เรารู้ว่าจะทรมานสุด ต้องปรับตัว เพราะฉะนั้นห้ามพัก ให้มีสมาธิตั้งใจเดิน การถ่ายภาพอาจจะทำให้เราหมดสมาธิ และ แบตจะไม่พอ ลานสนภูสอยดาวไม่มีไฟฟ้านะจ๊ะ อย่าลืมนำไฟฉายติดตัวขึ้นไปด้วย
พกมาให้ครบ อุปกรณ์ช่วยชีวิต จะได้เดินไหวววว ทั้งดม ทั้งทา และ พ่น
ผ่านมาแค่เนินเดียว จะไปเนินที่สอง อาการก็เริ่มออก แมลงตอมเริ่มรำคาญ มะนาวต้องเอาผ้าปิดหู ปิดปาก ส่วนตานี้ เดินไปปัดไป ทำไมเหล่าแมลงมันช่างรักเราจัง ตัวคุ่นบินเข้าตาตั้งหลายตัว ครั้งหน้าต้องหาแว่นตามาปกปิดตาด้วย
คิดว่าจะเดินไปถึงทางขึ้น เนินมรณะ แล้วรับประทานอาหารกลางวัน แต่ มันไปไม่ไหวจริงๆพักยาวๆตรงจุดนี้ก่อนล่ะกัน(ตรงไหนก็ไม่รู้หูตาลาย) มีนักท่องเที่ยวเดินสวนกลับมาก็ถามเค้าตลอดว่าอีกไกลไหม เรียกว่า เหนื่อยจนนับเนินไม่ถูกเลย
จากพักรับประทานอาหารกลางวันตอน 11:30 น.ก็เดินขาลากกันขึ้นๆลงๆอยู่ในดงป่าสองคนแบบเงียบๆ มีที่พึ่งเป็นลูกอมหวานๆ เป็นกำลังใจให้สู้ต่อไป
มาหลุดพ้นดงป่าก็ดีใจ นี้ล่ะมั่ง เนินมรณะ จุดเช็คอินที่ใครๆก็ต้องมายืนเท่ห์ แต่ยังไม่ใช่นะค่ะคุณมะนาว นี้เนินเสือโคร่งค่ะ ไปต่อๆ
1 กิโลเมตรสุดท้ายที่แสนโหดร้าย เนินมรณะ ที่รัก ทำไหมมันสูงชันขนาดนี้ เรียกว่า คลานขึ้นไปที่ละนิดเลยก็ว่าได้ ผ่านจุดเช็คอินเราก็ไม่แล เอาชีวิตไปให้ถึงป้าย พิชิตลานสนภูสอยดาวให้จงได้เป็นพอ
น้ำตาแทบไหล เราสองคนคือ ผู้พิชิตลานสนภูสอยดาว ในเวลา 6 ชั่วโมง
คนอื่นออกกำลังกายทุกวัน แต่เราสองคน ออกกำลังกายปีละครั้งกับการเดินป่าขึ้นเขา ครั้งนี้ เราทั้งสองคน ยังคงสุขภาพดี เดินกันไหว และยังรักและดูแลกันเป็นเช่นเดิม นั้นล่ะ จุดประสงค์หลักของการมาของมะนาว
หลังจากรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่อุทยานภูสอยดาว เราก็ต้องรีบไปเก็บภาพ ดอกหงอนนาคให้ไว เพราะสาวเจ้าจะหลับแล้ว พรุ่งนี้ถ้าแสงพระอาทิตย์ไม่มี สาวเจ้าก็จะไม่ตื่น มาบานโชว์
ไม่ต้องเดินไปไกล ดอกหงอนนาค มาอยู่ใกล้ๆให้เราเชยชมเลยทีเดียวเชียว
เดินไปด้านหลังก็ยังมีอีกเยอะแยะค่ะ นี้ขนาดยังไม่พร้อมโชว์ตัว100เปอร์เซน นะ
หมอกหนาแน่นมาก แอบสงสัย เย็นนี้ จะได้เห็นแสงสวยๆของพระอาทิตย์อัสดงไหมนะ
เดินจากจุดกางเต็นท์ไม่ไกล เราก็มายืนท้าความเย็น รอแสงสุดท้ายของวัน
นั่งๆเดินๆถ่ายหมอกเล่น ถ่ายตัวเอง และเพื่อนที่อยู่บนลานสนภูสอยดาวรอ จนมะนาวรอไม่ไหว แมลงรุมเร้าเหลือเกิน และหมอกหนาๆจะมีแสงพระอาทิตย์ได้ยังงัย
พอเดินมาถึงลานสนจุดกางเต็นท์ แสงที่ทะลุสายหมอกก็มา สีส้มๆ สวยเลย
คุ้มค่ามากแล้ว สำหรับการมาเยือนลานสนภูสอยดาว
เพื่อนๆรอจนแสงหมดก็เดินกลับมา
ส่วนมะนาวและคุณมะนัย ก็จัดดินเนอร์ หมูกระทะ สองคนนี้ยังกินไม่หมดเลย
(ต้องสั่งจองจากด้านล่าง จ่ายเงินให้เรียบร้อยนะค่ะ 399 บาท แล้วลูกหาบจะแบกขึ้นมาเสริฟเราที่ลานสนภูสอยดาว)
การจะใช้น้ำทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เราต้องไปเช่าถังน้ำและขันจากเจ้าหน้าที่มาค่ะ
มาตักน้ำใสๆเย็นๆ ไปใช้เอง ถังเดียวเกินพอกับการอาบน้ำ สระผม ก็มันหนาวนี้น่า
สภากาแฟ ยามเช้า ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเตรียมรับประทานอาหารเช้า หรือ เดินชมสถานที่รอบๆ
ท่านอื่นเค้ามากันสองคืน มะนาวมาคืนเดียวเอง
เดินชมบรรยากาศยามเช้า จุดมุ่งหมายคือ เสาหลักเขตแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
ดอกหงอนนาค แม่ราชินี น้ำค้างกลางเที่ยง ของมะนาว ยังไม่ตื่นง่ายๆค่ะ จนกว่าจะมีแสงพระอาทิตย์มาปลุก
ลักษณะภูมิประเทศของอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนตั้งแต่ทิศเหนือจดทิศใต้ เป็นเทือกเขากั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
มะนาวจะไปเที่ยวต่างประเทศแล้วนะ
พิชิตภูเดียวเที่ยวสองประเทศ
เดินข้ามมาแค่ 1 ก้าว เราก็มาถึงเขตแดน ประเทศเพื่อนบ้าน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นจุดเช็คอินที่ห้ามพลาด
กลับมาจากต่างประเทศ เราก็หามุมสงบ นั่งรับประทานอาหารเช้า มองหมอกไหลผ่านภูเขาสูงตรงหน้า และคิดว่า เนิน2,100 เราจะต้องไปพิชิตให้จงได้
ก่อนกลับ มะนาวยังคงอยากจะไปเก็บภาพ น้ำตก สายทิพย์ ไปคนเดียว ให้คุณมะนัยกลับไปเก็บของรอ
เห็นความชัน และป้ายที่บอกตลอดว่า ระวังลื่น ก็ชักกลัวๆเพราะลงไปคนเดียว
ยืนถ่ายจุดนี้ ยังรู้สึกว่าไม่พอ มะนาวเลยเดินขึ้นไป และนั้นคือ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ลื่นล้ม ลงไปในธารน้ำตก เปียกสิค่ะ ลุกก็ไม่ได้ ยังลื่นกลิ้งวนไป
สิ่งแรกไม่ใช่ร่างตัวเองที่เป็นห่วง มะนาวคิดถึงกล้อง canon eos 77d ที่อยู่ในกระเป๋ากล้อง(ไม่กันน้ำ)
77d อาการแย่กว่ามะนาวเยอะ ความชื้นทำให้ 77d หลับไม่ตื่นเลย
จึงเป็นภาพน้ำตกใบสุดท้ายที่ถ่ายก่อนจะลื่นล้ม อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ ใครไปที่น้ำตกก็ระมัดระวังเยอะๆนะค่ะ ที่แน่ๆพาคนไปเป็นเพื่อนด้วย เกิดอะไรขึ้น จะได้มีคนช่วยเหลือทัน
10:00 น. ถึงเวลาอำลา ลานสนภูสอยดาวกันแล้ว เดินกลับมาพร้อมกันหมดกับเพื่อนใหม่ที่ทักทาย รู้จักกันที่ลานสน
ขากลับคิดว่า 3 ชั่วโมงน่าจะพอ มีเวลาเก็บภาพที่เนินมรณะ
จุดนี้ล่ะค่ะ ที่ใครมาพิชิตลานสนภูสอยดาวต้องมี
ไปยืนๆก็ต้องระวังตัวเองด้วยนะค่ะ มันสูง เดี๋ยววูบ
และนี้คือเพื่อนใหม่ของ มะนาวก้าวเดิน
มิตรภาพจากคนที่ชื่นชอบการเดินป่าขึ้นเขา และท่องเที่ยว เกิดขึ้นง่ายๆและแน่นแฟ้นมาก เรามีนัดหมายจะไปเดินเขาต่อๆไปด้วยกันอีกด้วย
และมะนาวขออวด อย่างที่เห็น ลูกหาบที่นี้ งานดีมาก สาวๆมาคงจะมีกรี๊ดกร๊าดแบบมะนาวมั่งไหมนะ
ตั้งหน้าตั้งตาเดิน พอได้ยินเสียงน้ำตก นั้นล่ะคือเส้นชัยของเรา
ชัยชนะของทุกคน เก็บภาพเป็นที่เรียบร้อยให้ภูมิใจและคิดถึง
ขอบคุณความแข็งแรงของร่างกายเรา ที่พาเราไปพิชิตลานสนภูสอยดาว ระยะทางไป-กลับ รวมแล้ว 13 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทั้งหมด ไป 6 กลับ 3 รวมแล้ว 9 ชั่วโมง
และรางวัลของเราก็เรียบง่าย ลงเล่นน้ำตกภูสอยดาว ให้ชื่นใจ
ก่อนนั่งหลังรถกระบะ กลับไปจุดเริ่มต้น แบบมีความสุขกับทริปฝันที่เป็นจริงของมะนาว
ค่าใช้จ่ายทริปนี้ 2คน1คืน (เดินทางวันธรรมดา)
ค่ารถไฟชั้น3 ไป-กลับ เที่ยวละ 179x4 = 716 บาท
ค่าเหมารถรับ-ส่ง จากสถานีรถไฟพิษณุโลก-อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เที่ยวล่ะ 1,500x2 =3,000 บาท สามารถหาคนหารได้นะค่ะ 4ท่าน(รถเก๋ง)
ค่าแพ็คเกจอุปกรณ์การนอนเต็นท์ 1 คืน 2คน 800 บาท
ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว คนละ40x2=80 บาท
รวม 4,596 บาท
หารสองจ่ายคนละ 2,298 บาท
ค่าอาหาร เครื่องดื่ม หมูกระทะ ลูกหาบสัมภาระส่วนตัว ตั้งหากค่ะ
❣️ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามคร่า 🎀เดินทางด้วยรถสาธารณะออกจะชิลล์เนอะ
😁แล้วไปเที่ยวด้วยกันต่อน่าคร่า🚶♀️🏃♀️
✔️เพจมะนาวก้าวเดิน
✔️กดติดตามช่อง YouTube มะนาวก้าวเดิน
✔️ติดตามทุกการเดินทางของมะนาวก้าวเดิน
✔️อ่านรีวิวการเดินทางทั้งหมดได้ที่
✔️Line
✔️Flollvv แอปวางแผนการท่องเที่ยว และ สถานที่ท่องเที่ยว
✔️ติดต่องาน
06 6159 9649
วีดีโอขั้นตอนการเดินทางของทริป
コメント